ฤกษ์ดี “กรมขนส่ง” ยกเสาเอกสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนนครพนม
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นประธานในงานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้การเริ่มก่อสร้างโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม วงเงิน 1,361 ล้านบาท ให้กับประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินโครงการ โดยมี นายวันชัย จันทร์พร ผวจ.นครพนม บริษัท เอสเอซีแอล จำกัด (ผู้ร่วมลงทุน) และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมงาน
นายจิรุตม์ เปิดเผยว่า ได้แถลงข่าวสร้างการรับรู้ การเริ่มก่อสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ให้กับประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินโครงการ พร้อมถือฤกษ์ประกอบพิธียกเสาเอกอาคารสำนักงานกลาง (Main Office) เพื่อความเป็นสิริมงคล ภายหลังจากได้ว่าจ้างบริษัท เทิดไท แอนด์ โค จำกัด เริ่มดำเนินการก่อสร้างในส่วนที่ภาครัฐรับผิดชอบ ประกอบด้วย โครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางและอาคารที่ภาครัฐใช้ประโยชน์ วงเงินงบประมาณกว่า 624 ล้านบาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขของสัญญาร่วมลงทุน (PPP) ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. 65 พร้อมว่าจ้าง กิจการร่วมค้า เอสเอส กรุ๊ป เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง
ปัจจุบันผู้รับจ้างได้ดำเนินการปรับระดับพื้นที่ก่อสร้างภายในโครงการแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างก่อสร้างระบบระบายน้ำ งานถนนและลานคอนกรีตเสริมเหล็ก และงานฐานรากอาคารต่างๆ ภายในโครงการ มีความก้าวหน้างานก่อสร้างกว่า 13% (เร็วกว่าแผนงานประมาณ 4%) งานก่อสร้างดำเนินได้ด้วยดี และยังไม่พบปัญหาอุปสรรคใด ๆ ซึ่ง ขบ. มีแผนส่งมอบพื้นที่ให้บริษัท เอสเอซีแอล จำกัด ในฐานะผู้ร่วมลงทุนโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ไปก่อสร้างในส่วนที่ภาคเอกชนรับผิดชอบช่วงเดือน ก.ย.นี้ ตามเงื่อนไขของสัญญาร่วมลงทุน (PPP)คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
บริษัท เอสเอซีแอล จำกัด จะเป็นผู้รับผิดชอบลงทุนค่าก่อสร้างองค์ประกอบอาคารที่ก่อให้เกิดรายได้ อาทิ อาคารรวบรวมและกระจายสินค้า อาคารคลังสินค้า และอาคารซ่อมบำรุง รวมถึงการติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น Gantry Crane และงานระบบต่างๆ โดยมีมูลค่าการลงทุนของภาคเอกชนรวมกว่า 317 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 67 พร้อมกันทั้งในส่วนที่ภาครัฐและภาคเอกชนรับผิดชอบ และมีแผนเปิดให้บริการปี 68
ศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนมจะทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งสินค้าทางถนน รองรับการขนส่งสินค้าทางถนนระหว่างประเทศ บนเส้นทางสาย R12 ซึ่งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญและมีศักยภาพสูง สามารถเชื่อมต่อการขนส่งจาก จ.นครพนมของประเทศไทย ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง สปป.ลาว ประเทศเวียดนาม และทางตอนใต้ของประเทศจีน แถบเมืองหนานหนิง ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจและเป็นตลาดส่งออกผลไม้ที่สำคัญของประเทศไทยได้อย่างสะดวก รวดเร็ว คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ภายในศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม ได้ถูกออกแบบให้มีองค์ประกอบและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับรองรับกิจกรรมทางด้านโลจิสติกส์ไว้อย่างครบครัน เป็นพื้นที่สำหรับรวบรวมและกระจายสินค้า และเป็นจุด One Stop Service ซึ่งรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยงานตรวจปล่อยสินค้า (Customs, Immigrations & Quarantines : CIQ) ทำให้สามารถตรวจปล่อยสินค้าได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และยังพัฒนาเป็นพื้นที่ควบคุมร่วมกัน หรือ Common Control Area (CCA) รองรับการปฏิบัติงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ไทย และ สปป.ลาว ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกตรวจปล่อยสินค้าให้กับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าในอนาคต
นอกจากนี้ศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม ยังถูกออกแบบให้รองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง (Modal Shift) ระหว่างทางถนนกับทางรางได้อย่างไร้รอยต่อ ผ่านแนวโครงการรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-นครพนมของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งปัจจุบัน รฟท. อยู่ระหว่างกระบวนการเวนคืนที่ดิน ก่อนดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการขนส่งไทย และช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ บริษัท เอสเอซีแอล จำกัด ซึ่งเป็นภาคเอกชนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ดำเนินธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์มาอย่างยาวนาน จะเข้ามาบริหารจัดการและบำรุงรักษาโครงการ (Operation and Maintenance : O&M) และจ่ายค่าสัมปทานให้แก่ภาครัฐ เป็นเงินรวมกว่า 298 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาโครงการ 30 ปี ตามเงื่อนไขของสัญญาร่วมลงทุน (PPP)
ที่ผ่านมา ขบ. ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในพื้นที่ จ.นครพนมที่ช่วยผลักดันให้โครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนมประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งต่าง ๆ ที่ภาครัฐกำลังดำเนินการจะช่วยสนับสนุนส่งเสริมให้ จ.นครพนมเป็น “ศูนย์กลางทางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน” ช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน และสร้างรายได้ให้กับประชาชนใน จ.นครพนม และจังหวัดข้างเคียงได้อีกมากในอนาคต