เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1 – 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ชมวีดีโอคลิปไฮไลท์การแข่งขัน คลิ๊กที่นี่
สนาม เซนต์ แอนดรูว์ส, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 20,454 คน
รายการ คาร์ลิ่ง คัพ
เวลา 03.00 น. วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2548
ผู้ตัดสิน มาร์ค ฮัลซี่ย์
ปิศาจแดง เดินหน้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ คาร์ลิ่ง คัพ ได้สำเร็จ
หลุยส์ ซาฮา ซัด 2 ประตูช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถล่มเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ไปได้ 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ คาร์ลิ่ง คัพ แบบแทบจะไม่ต้องออกแรงมากมาย ที่สนามเซนต์ แอนดรูว์ส เมื่อวันอังคาร
ดาวยิงผิวหมึกทำประตูแรกตั้งแต่นาทีแรกของครึ่งหลัง ตามมาด้วยปาร์ค จีซุง ทำประตูแรกในสีเสื้อปิศาจแดง และเป็นซาฮา คนเดิมที่ซัดอีกประตู โดยในช่วงครึ่งหลัง ปิศาจแดง กลับมาครองเกมไว้ได้หมด ทำให้ผ่านเข้าไปเป็น 4 ทีมสุดท้ายของรายการนี้เป็นสมัยที่ 10
ในช่วงครึ่งแรก ทั้ง 2 ทีมยังเล่นได้ค่อนข้างสูสีกัน แต่มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าทึ่งในไม่ช้าเมื่อเริ่มต้นครึ่งหลัง
3 ประตูใน 17 นาทีทำให้เบอร์มิงแฮม ต้องพลาดท่าตกรอบไป แม้ว่าพวกเขาจะทำประตูตีไข่แตกได้จากยิริ ยาโรซิค ก่อนหมดเวลา 15 นาทีก็ตาม
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำการเปลี่ยนแปลงทีมหลายตำแหน่งจากชุดที่บุกไปเอาชนะแอสตัน วิลล่า 2-0 ซึ่งอยู่ห่างไปจากที่นี่ไม่มากนักเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยทิม โฮเวิร์ด, หลุยส์ ซาฮา, คีแรน ริชาร์ดสัน, มิเกล ซิลแวสตร์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และจูเซ็ปเป้ รอสซี่ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงพบกับทีมของสตีฟ บรูซ
แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมตำแหน่งแต่ตัวผู้เล่นก็ยังดูแข็งแกร่งดี ในช่วงไม่กี่ปีที่แล้วตัวผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรายการนี้ดูอ่อนกว่านี้มากนัก
สตีฟ บรูซ ผู้จัดการทีมเบอร์มิงแฮม ซึ่งเป็นอดีตกองหลังและกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใส่ชื่อของนิคกี้ บัตต์ อดีตนักเตะแห่งถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงด้วย
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ในชุดทีมเหย้าสีน้ำเงินเริ่มต้นเกมโดยบุกเข้าใส่อัฒจันทร์ฝั่งซิตี้ เอนด์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นที่นั่งของกองเชียร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เดินทางมาเยือน
แฟนบอลปิศาจแดง แสดงการต้อนรับนิคกี้ บัตต์ ด้วยการตะโกนชื่อของเขาซ้ำๆ กันในช่วงเริ่มต้นเกม
เกมผ่านไปได้ 4 นาที แฟนบอลเหล่านั้นก็เกือบจะได้ส่งเสียงเฮลั่น แกรี่ เนวิลล์ เปิดลูกฟรีคิกจากทางฝั่งขวาเข้าไปในกรอบเขตโทษ บอลเลยไปถึงจอห์น โอเชีย ที่ขึ้นโหม่งย้อนกลับไปหน้าประตู จูเซ็ปเป้ รอสซี่ ศูนย์หน้าดาวรุ่งพุ่งเข้าสไลด์บอลทันที แต่บอลลอยไปชนคานเต็มๆ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นเกมได้อย่างน่าตื่นเต้นกว่า แต่ก็ยังมีจังหวะที่อันตรายต่อพวกเขาเมื่อเดวิด ดันน์ อดีตนักเตะแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ได้ทดสอบฝีมือของทิม โฮเวิร์ด ด้วยลูกยิงเรียด
กลับไปที่อีกด้านหนึ่ง หลุยส์ ซาฮา ได้โอกาสทำประตูให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำในนาทีที่ 20 เมื่อเขาได้บอลจากลูกเปิดจากทางฝั่งขวาของดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ มันดูเหมือนจะเป็นจังหวะอันตรายมากของเจ้าถิ่น แต่ลูกยิงของซาฮา พุ่งออกนอกกรอบไป
ยิริ ยาโรซิค กองหน้าที่ถูกยืมตัวมาจากเชลซี พิสูจน์ว่าเป็นตัวอันตรายสำหรับแผงกองหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เขายังไม่ค่อยมีโอกาสมากนักหนัากรอบประตู
เอมิล เฮสกีย์ เกือบจะทำประตูให้กับเบอร์มิงแฮม ได้สำเร็จแต่ลูกยิงของเขาถูกโฮเวิร์ด ป้องกันเอาไว้ได้อย่างสุดยอด
ซาฮา มีโอกาสหลายครั้งในแดนหน้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ก็เหมือนกับกองหน้าของเบอร์มิงแฮม ที่โชคไม่ค่อยดีนักที่ยังไม่ได้ประตู
เดเมี่ยน จอห์นสัน ของเบอร์มิงแฮม และมิเกล ซิลแวสตร์ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกมาร์ค ฮัลซี่ย์ ผู้ตัดสินจดชื่อรับใบเหลืองไปคนละใบในช่วงครึ่งแรก
จบครึ่งแรก แม้ว่าจะมีโอกาสกันพอสมควร แต่ทั้งคู่ยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันอยู่ 0-0
เวย์น รูนี่ย์ ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนจูเซ็ปเป้ รอสซี่ ในช่วงพักครึ่ง แต่เป็นศูนย์หน้าของปิศาจแดง อีกคนหนึ่งที่ได้ฉลองไปก่อนตั้งแต่นาทีแรกของครึ่งหลัง เมื่อเขาส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายเบอร์มิงแฮม ได้สำเร็จ
ปาร์ค จีซุง ไหลบอลไปให้กับโรนัลโด้ ทางฝั่งขวา ปีกดาวรุ่งของปิศาจแดง กระชากบอลขึ้นหน้าก่อนที่จะเปิดลูกพุ่งเรียดเข้าไปหน้าประตู ซาฮา พุ่งเข้าชาร์จจ่อๆ บอลเข้าประตูไป ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 46
มันเป็นการเจาะประตูได้สำเร็จตั้งแต่เริ่มต้นครึ่งหลังโดยใช้เวลาเพียงประมาณ 40 วินาทีเท่านั้น ซึ่งไม่เหมือนกับใน 45 นาทีแรกก่อนหน้านี้
และก็เป็นซาฮา อีกครั้งที่เข้ามาเกี่ยวข้องในอีก 4 นาทีต่อมา ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่างออกไป เฟล็ตเชอร์ เปิดบอลโด่งขึ้นหน้า ปาร์ค โหม่งบอลต่อไปให้กับซาฮา ที่เกี่ยวบอลลงพื้น ก่อนที่ปาร์ค จะวิ่งเข้ามาเอาบอลแล้วแตะเข้าไปยิงด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูแรกของปาร์ค ในสีเสื้อของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ทีมขึ้นนำห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 50
ในตอนนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุมเกมไว้ได้หมด และอีก 13 นาทีต่อมาพวกเขาก็ทำประตูทิ้งห่างออกไปอีก แกรี่ เนวิลล์ ไหลบอลไปให้กับซาฮา อดีตศูนย์หน้าฟูแล่ม แตะบอลลอยขึ้นมาก่อนที่จะซัดเต็มข้อด้วยเท้าขวา บอลพุ่งเข้าเสียบมุมตาข่ายอย่างงดงาม ปิศาจแดง ขึ้นนำไปเป็น 3-0 ในนาทีที่ 63
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่อนเกมลง ทำให้เบอร์มิงแฮม มีโอกาสมากขึ้น และเป็นยาโรซิค ที่ทำประตูตีไข่แตกได้สำเร็จ จากลูกฟรีคิกของเจอร์เมน เพนแนนท์ ที่เปิดเข้าในกรอบเขตโทษ ยาโรซิค ขึ้นโหม่งเต็มๆ เข้าประตูไป เบอร์มิงแฮม ตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 ในนาทีที่ 75 แม้ว่าถึงตอนนี้เกมก็ห่างไกลเกินกว่าที่เบอร์มิงแฮม จะไล่มาทันแล้ว แต่แฟนบอลเจ้าถิ่นก็ขอเฮบ้าง
หลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ไปได้ 3-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ คาร์ลิ่ง คัพ ได้สำเร็จเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะพบกันอีกครั้งในศึกพรีเมียร์ชิพที่สนามเซนต์ แอนดรูว์ส เหมือนเดิมในสัปดาห์หน้า (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เบอร์มิงแฮม ซิตี้
ไมค์ เทย์เลอร์ 1
มาร์กอส เพนเทอร์ 31
มาร์ติน เทย์เลอร์ 2
แมทธิว อัพสัน 5
นิคกี้ บัตต์ 20
สตีเฟ่น คลีเมนซ์ 25
เดวิด ดันน์ 10
ยิริ ยาโรซิค 14 ( น. 75)
เดเมี่ยน จอห์นสัน 22 ( น. 28)
เจอร์เมน เพนแนนท์ 7
เอมิล เฮสกีย์ 16
สำรอง
โคลิน ดอยล์ 13
เจมี่ แคลปแฮม 3 น. 67 นิคกี้ บัตต์ 20
นีล คิลเคนนี่ 15 น. 66 เดวิด ดันน์ 10
มิเกล ฟอร์สเซลล์ 9 น. 82 เอมิล เฮสกีย์ 16
วอลเตอร์ ปันไดอานี่ 8
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ทิม โฮเวิร์ด 1
เวส บราวน์ 6
แกรี่ เนวิลล์ 2
จอห์น โอเชีย 22
มิเกล ซิลแวสตร์ 27 ( น. 31)
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
คีแรน ริชาร์ดสัน 23 ( น. 61)
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
ปาร์ค จีซุง 13 ( น. 50)
จูเซ็ปเป้ รอสซี่ 42
หลุยส์ ซาฮา 9 ( น. 46, 63)
สำรอง
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5 น. 60 มิเกล ซิลแวสตร์ 27
ริทชี่ โจนส์ 49 น. 66 จอห์น โอเชีย 22
เวย์น รูนี่ย์ 8 น. 45 จูเซ็ปเป้ รอสซี่ 42
สถิติของเกม
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ทำประตู 1, ลูกยิงตรงกรอบ 4, ลูกยิงหลุดกรอบ 5, ลูกยิงโดนบล็อค 1, เตะมุม 7, ฟาวล์ 16, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 1, การครองบอล 43.6%
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำประตู 3, ลูกยิงตรงกรอบ 7, ลูกยิงหลุดกรอบ 4, ลูกยิงโดนบล็อค 2, เตะมุม 4, ฟาวล์ 12, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 2, การครองบอล 56.4%
Por